Mini Paceman สเปค ราคา
ดูเหมือนว่ามินิจะเดินตามนโยบายในการพัฒนาบีเอ็มดับเบิลยูซึ่งเป็นบริษัทแม่มาแบบเด๊ะๆ โดยในตลาดเอสยูวีนอกจากจะมีตัวถังแบบ 5 ประตูทรงกล่องที่เป็นมาตรฐานแล้ว จะต้องมีเวอร์ชันสปอร์ตตามออกมาขายด้วย ส่วนจะสปอร์ตในแบบ 5 ประตูแต่ออกแบบประตูบานท้ายให้เพรียวแล้วบอกว่าป็นคูเป้ หรือว่าจะเป็นแบบ 3 ประตูแท้ๆ อันนี้ก็แล้วแต่เหตุผลของคนที่วางคอนเซ็ปต์
และเรื่องตรงนี้ถูกสะท้อนออกมากับรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดของมินิที่ใช้ชื่อว่าเพซแมน (Paceman) ซึ่งเมื่อดูทันทีก็สามารถรู้ทันใดเลยว่า นี่มันแนวคิด X5 กับ X6 (และก็กำลังจะมี X3 กับ X4) ชัดๆ เพียงแต่ไม่ได้มาแบบเหมือนกันในทุกสัดส่วน เพราะจะว่าไปแล้วเพซแมนก็คือรุ่น 3 ประตูของคันทรี่แมน (Countryman) เพียงแต่จะเรียกให้มันต่างกันไปใย ถ้าไม่ใช่เพราะการมองหาช่องทางในการเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์
เพราะระหว่างการบอกแค่เป็นตัวถังใหม่ของคลับแมนกับเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ คงไม่ต้องเดาว่าอย่างไหนคนจะให้ความสนใจมากกว่ากัน
เพซแมนถือเป็นการพัฒนาและแชร์รายระเอียดทางวิศวกรรม ซึ่งก็รวมถึงรายละเอียดของรูปลักษณ์ภายนอกมาจากรุ่นคันทรีแมนจนน่าจะเรียกว่าเป็นรถยนต์รุ่นเดียวกัน เพียงแต่ว่ามาในแบบ 3 ประตู และสิ่งที่ชวนสงสัยต่อเนื่องคือ ในภาพจำนวนร่วม 100 ภาพที่แจกนักข่าวในอินเตอร์เน็ตไม่มีภาพของรายละเอียดชุดแผงหน้าปัดแนบมาให้ด้วย ซึ่งถือว่าผิดวิสัย ทั้งที่รายละเอียดภายในห้องโดยสารส่วนอื่นๆ ก็มีแนบมาด้วย
ก็น่าจะอนุมานได้ว่าเป็นชุดเดียวกับของคันทรีแมน เพราะเมื่อดูจากรายละเอียดของแผงประตู การจัดวางแผงคอนโซลที่ยาวต่อเนื่องจากด้านหน้ามาจนถึงด้านหลัง และคั่นเบาะหลังให้เป็น 2 ที่นั่งแยกซ้าย-ขวาเหมือนกัน พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมากับความจุแบบพอประมาณ ถ้ายังไม่มีการพับเบาะหลังลงจะมีตัวเลขอยู่ที่ 330 ลิตร แต่จะเพิ่มเป็น 1,080 ลิตร ซึ่งก็สูสีกับรุ่นคันทรี่แมนซึ่งอยู่ในระดับ 350/1,170 มิลลิเมตร
ขณะที่ตัวถังมีความยาว 4,109 มิลลิเมตร ใหญ่กว่ามินิตัวถังแฮทช์แบ็กธรรมดา แต่สั้นกว่ารุ่นคันทรีแมนอยู่ 24 มิลลิเมตร ส่วนความสูงก็เตี้ยกว่าอยู่ประมาณ 31 มิลลิเมตร และพื้นที่ว่างใต้ท้องรถมีน้อยกว่าคันทรี่แมนอยู่ 10 มิลลิเมตรนั้นเป็นเพราะว่าทางวิศวกรของมินิจัดการปรับเซ็ตระบบช่วงล่างให้เน้นความสปอร์ตในการขับขี่มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นบุคลิกที่แตกต่างจากรุ่นคันทรีแมน
เครื่องยนต์ที่ทำตลาดมีอยู่ 4 รุ่นเหมือนกับมินิตัวถังอื่นๆ คือ เริ่มจากรุ่นธรรมดาที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1,600 ซีซี 119 แรงม้า ซึ่งมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 10.4 วินาที ตามด้วยรุ่น S ติดเทอร์โบขยับความแรงขึ้นมาเป็น 181 แรงม้า ใช้เวลา 7.5 วินาทีในการทำอัตราเร่ง
ส่วนขุมพลังเทอร์โบดีเซลก็มีทั้งรุ่นประหยัด 1,600 ซีซี 110 แรงม้า และตัวแรงในรหัส SD 2,000 ซีซี 141 แรงม้า ซึ่งทั้งคู่มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 10.8 และ 9.2 วินาทีตามลำดับ เช่นเดียวกับความประหยัดที่มั่นใจได้ โดยในรุ่นแรกมีตัวเลขอยู่ที่ 22.7 กิโลเมตร/ลิตร และรุ่นหลังอยู่ในระดับ 21.7 กิโลเมตร/ลิตร
ส่วนขุมพลังเทอร์โบดีเซลก็มีทั้งรุ่นประหยัด 1,600 ซีซี 110 แรงม้า และตัวแรงในรหัส SD 2,000 ซีซี 141 แรงม้า ซึ่งทั้งคู่มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 10.8 และ 9.2 วินาทีตามลำดับ เช่นเดียวกับความประหยัดที่มั่นใจได้ โดยในรุ่นแรกมีตัวเลขอยู่ที่ 22.7 กิโลเมตร/ลิตร และรุ่นหลังอยู่ในระดับ 21.7 กิโลเมตร/ลิตร
ส่วนระบบส่งกำลังมีเลือกทั้งแบบธรรมดา หรืออัตโนมัติ ที่มีจำนวนจังหวะเท่ากันที่ 6 จังหวะ โดยที่ระบบขับเคลื่อนก็มีทั้งแบบล้อหน้า หรือแบบ 4 ล้อในรหัส ALL-4
การเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในงานปารีส มอเตอร์โชว์ 2012 ปลายเดือนกันยายนนี้ และจากนั้นจะเริ่มทำตลาดในยุโรปทันที ส่วนราคายังไม่ได้แย้มออกมาในตอนนี้
บทความจาก ผู้จัดการ ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น