บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

รถมือสองเค้าตีราคากันยังไง

รถมือสองเค้าตีราคากันยังไง


   อาชีพซื้อขายรถยนต์มือสองหรือรถใช้แล้ว ก็เหมือนกับอาชีพ “พ่อค้า” อื่นๆ ไม่ว่าจะซื้อขายสินค้าไหน ก็จะทำแบบเดียวกัน คือ “ซื้อมาให้ถูกที่สุดแล้วขายต่อให้มีกำไร” แต่ถ้าเป็นรถยนต์คงต้องคิดมากกว่านั้น เพราะทั้งราคาและรุ่นรถที่มีหลากหลาย รวมไปถึงสภาพ ซึ่งทำให้การตีราคาและกำหนดราคากันยาก เพราะฉะนั้น Used Car Solution ฉบับนี้ จะมาให้ความรู้กับท่านผู้อ่านว่า ในตลาดเต็นท์รถเขาตีราคากันอย่างไร?


     
       ก่อนอื่น ขอแยกประเภทรถก่อน ว่าในตลาดปัจจุบันมีอะไรกันบ้าง โดยคร่าวๆ ก็จะมีรถคอมแพกต์ ซิตี้คาร์ เก๋งเล็ก กลาง กลางใหญ่ และรถหรูผู้บริหาร และพวกกระบะช่วงยาวบรรทุก แค็บ, 4 ประตู แวน และรถครอบครัว อเนกประสงค์หรือรถแวน รถ MPV
     
       ส่วนการกำหนดว่าราคาซื้อขายจะเท่าไร ขอให้มองความนิยมของรถรุ่นนั้นก่อนว่ามากน้อย ขนาดไหน เป็นที่นิยมของตลาดมากหรือไม่ รถที่นิยมก็ย่อมซื้อมาแล้วขายได้ง่าย ได้เร็ว จึงได้ราคาดีกว่า โดยการคำนวณมีสูตรดังต่อไปนี้
     
       ยกตัวอย่าง รถหลุดป้ายแดง สมมติ ป้ายแดงราคา 1 ล้าน ค่าเสื่อม 25% ก็จะเหลือ 750,000 Vat 7% ประมาณ 52,500 บาท รวมก็ 825,000 บาท เต็นท์ก็จะเอากำไร 10% โดยจะตั้งราคาขาย 900,000
     
       ถ้ารถมีความต้องการสูง ราคานี้ก็น่าจะมีคนสนใจ อาจต่อรองได้บ้าง ขาดทุนกำไรกันไป แต่ถ้าคุณจะซื้อที่ 8 แสนบาท เพราะไม่น่าใช้ ดังนั้นทางเต็นท์ก็ต้องซื้อให้ต่ำลง เหลือ 650,000 บวก Vat บวกกำไรไป ก็น่าจะได้ แต่เจ้าของรถที่ไหนจะยอมขายล่ะ ไม่แปลกที่ทางเต็นท์ก็ต้องมีวิธีเจรจาต่อรองพลิกแพลงกันไป อย่างไรก็ดี นี่เป็นตัวเลขสมมติครับ ยังดิ้นไปได้อีกหลายรูปแบบ
     
       ส่วนสูตรการคิดค่าเสื่อมราคาคร่าวๆ เต็นท์ทั้งหลายจะมีหลักประมาณนี้ อาทิ รถคอมแพกต์ แนวตลาดเลย เช่น ยาริส แจ๊ซ วีออส มาสด้า 2 และซิตี้ ค่าเสื่อมน่าจะอยู่ที่ 20-25% จากราคาป้ายแดง, รถกลางเล็ก เช่น ซีวิค อัลติส น่าจะอยู่ที่ 25-30%, รถกลางใหญ่ เช่น แอคคอร์ด คัมรี่ น่าจะอยู่ที่ 30-35% ส่วนรถไม่ตลาดจ๋า เช่น นิสสัน มิตซูฯ มาสด้า ฟอร์ด ให้ลดเพิ่มอีก 5-10% จากรถตลาดจ๋าค่าเสื่อมราคาจะลดลงไปตามอายุ เพิ่มอีกปีก็ลดไปอีก 5-10% ไปเรื่อยๆ จน...รุ่นนั้น มีโฉมใหม่เกิดขึ้นมา หรือ Model Change จึงจะมีการปรับราคากันอีกครั้ง ตามแต่ว่ารุ่นใหม่มีกระแสความนิยมดีหรือไม่
     
       แต่ก็ยังมีคนสงสัยว่า “ทำไมค่าเสื่อมถึงไม่เท่ากันล่ะ?” อันนี้ต้องทำความเข้าใจเรื่องต้นทุนของเงินครับ เพราะพ่อค้ารถ ส่วนใหญ่กู้เงินมาทำธุรกิจครับ ก็ร้อยละ 2 หรือ 3 ต่อเดือน บางทีโชคดีก็เจอถูกกว่านี้ รถที่ขายดี ขายเร็ว ดอกเบี้ยก็เสียน้อย ต้นทุนก็เลยนิ่ง ซื้อมา 4 แสน ขาย450,000 คำนวณง่ายมีกำไรก็ขายกันไป
     
       แต่ถ้ารถที่จอดนาน ดอกเบี้ยก็กินนาน ต้นทุนก็สูงขึ้นตาม ซื้อ 4 แสน จอด 3 เดือน ดอกเดือนละ 8,000 สามเดือนก็ 24,000 ทุนเป็น 424,000 ขาย 450,000 อูยไม่พอค่าใช้จ่าย ทำไง ขายแพงก็ไม่มีคนซื้อ คราวหลังซื้อรุ่นนี้ ถูกลงอีกดีกว่า นี่คือเหตุผลว่าทำไมรถดี รถตลาดจึงราคาไม่ตกครับ
     
       ฉบับต่อไปจะมาว่ากันถึง รถดีในสายตาพ่อค้ารถมือสองเป็นอย่างไร อย่าพลาดนะครับ
     
      สอง ท่าพระอาทิตย์  ผู้จัดการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น